มุสลิม เล่นน้ำสงกรานต์ได้หรือไม่ ?
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แต่เพียงพระองค์เดียว
อิสลาม คือ ศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า คือ อัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา และเป็นศาสนาที่ปลูกฝังความเชื่อแก่บรรดามุสลิม ให้ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียว เมื่อมุสลิมมีหลักความเชื่อนั้น เขาก็พร้อมที่จะน้อมรับบทบัญญัติต่างๆ ที่มาจากอัลลอฮฺ
หลักการของอิสลามนั้นมีทั้งที่เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อ การคบค้าสมาคมกับผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคม การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลต่างศาสนา และต่างความเชื่อ แต่ขณะเดียวกันอิสลามให้ความสำคัญ กับสิ่งที่จะมาทำลาย หรือสิ่งที่ค้านกับหลักความเชื่อของอิสลาม เมื่อใดก็ตามที่มุสลิมกระทำสิ่งที่ค้านกับความเชื่อและหลักการของอิสลาม จะไม่สามารถกระทำได้ เช่นการไปมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ของศาสนาอื่น ซึ่งพิธีกรรมของศาสนานั้น ค้านกับคำสอนของอิสลาม หรือประเพณี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อทางศาสนา
ดังนั้นความแตกต่างของศาสนาอิสลามที่มีจุดเด่นเฉพาะ ไม่ใช่อุปสรรคในการดำเนินชีวิตร่วมกันกับผู้คนต่างวัฒนธรรม หรือต่างความเชื่อ หลายคนที่ไม่ได้ศึกษาหลักคำสอนของอิสลามที่แท้จริง หรือผู้ที่มีอคติต่ออิสลามนั้น มักจะเข้าใจอิสลามในภาพลบ และมองว่าอิสลามคือตัวถ่วงความเจริญ หรือเป็นตัวสร้างปัญหา
ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะนำมาเสนอกับพี่น้องลูกหลานมุสลิมถึงการเล่นสงกรานต์สำหรับมุสลิมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง คือ มุสลิมจะไปร่วมสนุกสนานกับการเล่นสงกรานต์ได้หรือไม่ ถ้าเรามองโดยผิวเผินแล้ว การเล่นน้ำสงกรานต์ไม่น่าจะเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะแค่เอาน้ำมารดหัวสาดใส่กัน ในช่วงหน้าร้อนมันช่วยดับร้อนได้อีกต่างหาก แต่เมื่อไปศึกษาความเป็นมาของพิธีสาดน้ำสงกรานต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับหลักความเชื่อของศาสนาอื่น ตามหลักความเชื่อของศาสนาอื่นนั้นอิสลามไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หมายถึงมุสลิมไม่สามารถที่จะไปปฏิบัติในสิ่งที่เป็นหลักความเชื่ออื่นจากหลักความเชื่อของอิสลาม
เมื่อเราไปศึกษาความเป็นมาของประเภณีสงกรานต์เราจะพบว่า ความเป็นมาของนั้นเกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อทางศาสนา (เข้าไปอ่านประวัติความเป็นมาของประเพณสงกรานต์ตามลิงค์ต่อไปนี้http://www.mahamodo.com/knowledge/water_festival.aspx) ซึ่งเป็นความเชื่อที่มาค้านกับความเชื่อของอัลอิสลาม
เมื่อมุสลิมได้รับทราบความเป็นมาของประเพณีสงกรานต์มีที่มาอย่างไร ก็สรุปได้ว่าที่มาของสงกรานต์เกิดจากหลักความเชื่อของศาสนาอื่น จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมเข้าไปมีส่วนร่วมในการเล่นน้ำสงกรานต์ เนื่องจากการเป็นมุสลิมจะต้องปฏิบัติตามหลักการที่เคร่งครัด และต้องละทิ้งสิ่งที่เข้ามาเจือปนในศาสนา มุสลิมต้องมีจุดยืนในศาสนาของตัวเองอย่างชัดเจน การผสมผสานระหว่างความเชื่อของอิสลาม และความเชื่ออื่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมารวมไว้ด้วยกันได้
อัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา ตรัสว่า
(لكم دينكم ولي دين )
“สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน”
นี่คือพระบัญชาของอัลลอฮฺ ที่ได้กำชับให้มุสลิมแสดงถึงจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับการยึดถือปฏิบัติศาสนา และให้ปลีกตัวจากการปฏิบัติตามหลักความเชื่อของศาสนาอื่น หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในวันสำคัญของศาสนาต่าง ๆ หรือประเพณีทางศาสนาอื่น ไม่ว่าจะเป็นการลอยกระทง สงกรานต์ หรือในทำนองดังกล่าว
قال النبي صلى الله عليه وسلم(( من تشبه بقوم فهو منهم ))
رواه أبوداود
ท่านนบีศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้กล่าวว่า
“ใครที่เลียนแบบกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด ดังนั้นเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนนั้น”
(บันทึกโดย อาบูดาวุด)
เพราะถ้ามุสลิมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในพิธีกรรมของพวกเขา มันเป็นการบ่งบอกถึงการนิยมชมชอบต่อพวกเขา มุสลิมสามารถดำเนินชีวิตร่วมกับบุคคลต่างศาสนาได้โดยปกติ ในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา
ดังนั้นหลักการอิสลามไม่ใช่หลักการที่จะมาสร้างความแตกแยกในหมู่ผู้คน อิสลามสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ โดยสันติสุข ความแตกต่างในศาสนาไม่ได้หมายความเราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคม อิสลามมีหลักการโดยเฉพาะแต่ขณะเดียวกันอิสลามเคารพในสิทธิของบุคคลอื่น อิสลามไม่มีคำสอนให้ไปทำลายหรือ ด่าทอศาสนาหรือพระเจ้าของศาสนาอื่น เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่ปลูกฝังหลักความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า และต้องปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเราจะรอดพ้นจากการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา
ดังนั้นสงกรานต์ในปีนี้หวังอย่างยิ่งว่าลูกหลานมุสลิมคงเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ไปมีส่วนร่วมในการเล่นน้ำสงกรานต์ ตามความเชื่อของศาสนาอื่นๆ
ที่มา. ilitw-islam.blogspot.com/2011/04/blog-post.html