วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

มุสลิม เล่นน้ำสงกรานต์ได้หรือไม่ ?


มุสลิม เล่นน้ำสงกรานต์ได้หรือไม่ ?





มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แต่เพียงพระองค์เดียว

          อิสลาม คือ ศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า คือ อัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา และเป็นศาสนาที่ปลูกฝังความเชื่อแก่บรรดามุสลิม  ให้ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียว เมื่อมุสลิมมีหลักความเชื่อนั้น  เขาก็พร้อมที่จะน้อมรับบทบัญญัติต่างๆ ที่มาจากอัลลอฮฺ  
          หลักการของอิสลามนั้นมีทั้งที่เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อ  การคบค้าสมาคมกับผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคม   การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลต่างศาสนา และต่างความเชื่อ  แต่ขณะเดียวกันอิสลามให้ความสำคัญ กับสิ่งที่จะมาทำลาย หรือสิ่งที่ค้านกับหลักความเชื่อของอิสลาม   เมื่อใดก็ตามที่มุสลิมกระทำสิ่งที่ค้านกับความเชื่อและหลักการของอิสลาม  จะไม่สามารถกระทำได้  เช่นการไปมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ของศาสนาอื่น ซึ่งพิธีกรรมของศาสนานั้น ค้านกับคำสอนของอิสลาม  หรือประเพณี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อทางศาสนา  
          ดังนั้นความแตกต่างของศาสนาอิสลามที่มีจุดเด่นเฉพาะ  ไม่ใช่อุปสรรคในการดำเนินชีวิตร่วมกันกับผู้คนต่างวัฒนธรรม หรือต่างความเชื่อ   หลายคนที่ไม่ได้ศึกษาหลักคำสอนของอิสลามที่แท้จริง  หรือผู้ที่มีอคติต่ออิสลามนั้น มักจะเข้าใจอิสลามในภาพลบ  และมองว่าอิสลามคือตัวถ่วงความเจริญ หรือเป็นตัวสร้างปัญหา 
          ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะนำมาเสนอกับพี่น้องลูกหลานมุสลิมถึงการเล่นสงกรานต์สำหรับมุสลิมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง คือ มุสลิมจะไปร่วมสนุกสนานกับการเล่นสงกรานต์ได้หรือไม่  ถ้าเรามองโดยผิวเผินแล้ว  การเล่นน้ำสงกรานต์ไม่น่าจะเป็นสิ่งต้องห้าม  เพราะแค่เอาน้ำมารดหัวสาดใส่กัน  ในช่วงหน้าร้อนมันช่วยดับร้อนได้อีกต่างหาก   แต่เมื่อไปศึกษาความเป็นมาของพิธีสาดน้ำสงกรานต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับหลักความเชื่อของศาสนาอื่น  ตามหลักความเชื่อของศาสนาอื่นนั้นอิสลามไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้  หมายถึงมุสลิมไม่สามารถที่จะไปปฏิบัติในสิ่งที่เป็นหลักความเชื่ออื่นจากหลักความเชื่อของอิสลาม
          เมื่อเราไปศึกษาความเป็นมาของประเภณีสงกรานต์เราจะพบว่า  ความเป็นมาของนั้นเกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อทางศาสนา (เข้าไปอ่านประวัติความเป็นมาของประเพณสงกรานต์ตามลิงค์ต่อไปนี้http://www.mahamodo.com/knowledge/water_festival.aspx) ซึ่งเป็นความเชื่อที่มาค้านกับความเชื่อของอัลอิสลาม
          เมื่อมุสลิมได้รับทราบความเป็นมาของประเพณีสงกรานต์มีที่มาอย่างไร  ก็สรุปได้ว่าที่มาของสงกรานต์เกิดจากหลักความเชื่อของศาสนาอื่น  จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมเข้าไปมีส่วนร่วมในการเล่นน้ำสงกรานต์    เนื่องจากการเป็นมุสลิมจะต้องปฏิบัติตามหลักการที่เคร่งครัด   และต้องละทิ้งสิ่งที่เข้ามาเจือปนในศาสนา  มุสลิมต้องมีจุดยืนในศาสนาของตัวเองอย่างชัดเจน  การผสมผสานระหว่างความเชื่อของอิสลาม และความเชื่ออื่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมารวมไว้ด้วยกันได้ 
อัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา ตรัสว่า
(لكم دينكم ولي دين )
“สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน”
           นี่คือพระบัญชาของอัลลอฮฺ ที่ได้กำชับให้มุสลิมแสดงถึงจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับการยึดถือปฏิบัติศาสนา   และให้ปลีกตัวจากการปฏิบัติตามหลักความเชื่อของศาสนาอื่น หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในวันสำคัญของศาสนาต่าง ๆ หรือประเพณีทางศาสนาอื่น ไม่ว่าจะเป็นการลอยกระทง  สงกรานต์ หรือในทำนองดังกล่าว
قال النبي صلى الله عليه وسلم(( من تشبه بقوم فهو منهم  )) 
رواه أبوداود
ท่านนบีศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้กล่าวว่า
“ใครที่เลียนแบบกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด ดังนั้นเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนนั้น”
(บันทึกโดย อาบูดาวุด)

         เพราะถ้ามุสลิมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในพิธีกรรมของพวกเขา มันเป็นการบ่งบอกถึงการนิยมชมชอบต่อพวกเขา  มุสลิมสามารถดำเนินชีวิตร่วมกับบุคคลต่างศาสนาได้โดยปกติ ในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา   
          ดังนั้นหลักการอิสลามไม่ใช่หลักการที่จะมาสร้างความแตกแยกในหมู่ผู้คน อิสลามสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ โดยสันติสุข ความแตกต่างในศาสนาไม่ได้หมายความเราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคม  อิสลามมีหลักการโดยเฉพาะแต่ขณะเดียวกันอิสลามเคารพในสิทธิของบุคคลอื่น  อิสลามไม่มีคำสอนให้ไปทำลายหรือ ด่าทอศาสนาหรือพระเจ้าของศาสนาอื่น  เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่ปลูกฝังหลักความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า และต้องปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเราจะรอดพ้นจากการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา

         ดังนั้นสงกรานต์ในปีนี้หวังอย่างยิ่งว่าลูกหลานมุสลิมคงเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ไปมีส่วนร่วมในการเล่นน้ำสงกรานต์  ตามความเชื่อของศาสนาอื่นๆ



ที่มา.  ilitw-islam.blogspot.com/2011/04/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น